วันนี้ที่จะมาอัพไม่ใช่โดฯน๊า แต่เป็นฟิคคู่ฟ้าเหลืองค่ะ !
พอดีไปเจอภาพเซ็ทนึงเข้าแล้วมันเกิดอยากแต่งขึ้นมาซะงั้น
นี่ก็เป็นฟิคฟ้าเหลืองเรื่องแรกที่แต่งนะคะ ผิดพลาดตรงไหนก็ขออภัยด้วยละกันน๊า ^_^
Let's enjoy~
Pairing : Aomine x Kise
Rate : PG-13
วันต่อมาช่วงพักกลางวัน
"เรียวตะ นายช่วยไปตามไดกิให้มาหาฉันทีสิ" อาคาชิเดินเข้ามาหาคิเสะที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่ที่โรงอาหาร
"เอ๋? ฉันหรอ? ทำไม.."
"เอาเถอะน่ะไม่ต้องถามหรอก บอกให้ไปตามมาก็ไปตามสิ" ยังไม่ทันที่คิเสะจะได้ถามอาคาชิก็ตัดบทอย่างรวดเร็วด้วยน้ำเสียงที่ออกจะกระชากนิดๆ
ไอ้คู่นี้มันจะถามอะไรนักหนานะ สั่งให้ทำอะไรก็ทำๆไปซะก็สิ้นเรื่องนี่นา ไม่รู้หรือไงว่าฉันกำลังช่วยพวกนายอยู่เนี่ยห๊า!? อาคาชิบ่นในใจ ก็แบบเห็นแล้วมันอึดอัดแทนอ่ะ เจ้าหมานี่ก็จะซึนอะไรนักหนาแล้วงี้เมื่อไหร่มันจะลงเอยกันซะทีล่ะ น่ารำคาญชะมัด รู้ไว้ซะด้วยนะว่าฉันน่ะไม่ชอบเลี้ยงหมาหงอย!
"คะ..ครับ เดี๋ยวไปตามให้ครับผม" คิเสะมองตาอาคาชิที่ดูจะจิกๆเล็กน้อยอย่างสยองๆแล้วตอบรับคำสั่งอย่างไม่มีเงื่อนไข
ทำไมต้องโหดใส่เก๊าด้วยอ่า แงงงง คิเสะคร่ำครวญในใจ
.
.
.
คิเสะขึ้นไปหาอาโอมิเนจจิบนดาดฟ้าของโรงเรียนซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นที่งีบประจำของอาโอมิเนะนั่นเอง
คิเสะตะโกนเรียกอาโอมิเนะ
มันไม่ใช่แค่การชนกำปั้นกันเท่ๆแบบที่ลูกผู้ชายเค้าทำกัน แต่ระหว่างอาโอมิเนจจิกับคุโรโกจจิแล้วมันแสดงถึงความเชื่อใจกันและสายสัมพันธ์อันแข็งแกร่ง แข็งแกร่งจนที่ว่าไม่ว่าใครก็ได้สามารถจะเข้าไปแทรกกลางได้เลย ฉันก็อยากจะมีมันบ้างนะ
อยากมีสายสัมพันธ์แบบนั้นกับอาโอมิเนจจิบ้างเหมือนกัน อยากให้นายมองฉันคนเดียว เชื่อใจฉันคนเดียว และ...
WARNING YAOI !!
ใครที่ไม่ชอบหรือรับไม่ได้ก็กดกากบาทด้านขวามือบนสุดไปเลยนะจ้า
ใครที่ไม่ชอบหรือรับไม่ได้ก็กดกากบาทด้านขวามือบนสุดไปเลยนะจ้า
Envy of love
Pairing : Aomine x Kise
Rate : PG-13
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ผมหลงใหลเขามากซะจนมันทำให้ผมคิดว่าถ้าหาก"ใครคนนั้น"ที่คอยอยู่เคียงข้างเขาตลอดเวลาหายไปมันก็คงจะดี.. เรานี่มันเลวจริงๆเลยให้ตายสิ
คิเสะ เรียวตะ ชายหนุ่มผู้เพอเฟ็กต์ไปซะทุกอย่างแต่ตอนนี้ภายในใจกำลังเกิดความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้น ความรู้สึกที่เขาเรียกกันว่าอิจฉายังไงล่ะ ใช่ เขาอิจฉามาก ทำไมคนที่ยืนอยู่ข้างๆอาโอมิเนจจิไม่ใช่เขานะ หรือว่าเขายังเก่งไม่พองั้นหรอ? คิเสะที่นั่งพักอยู่ข้างสนามจ้องมองสองเพื่อนซี้แสงและเงาที่กำลังฝึกซ้อมกันอย่างสนุกสนานด้วยเเววตาอิจฉา เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรเหมือนกันสองสามวันมานี้คิดแต่เรื่องอกุศลแบบนี้เรื่อยเลย
ถ้าหากเป็นเราที่ได้ยืนเคียงข้างอาโอมิเนจจิก็คงจะดี
ถ้าหากเป็นเราล่ะก็..
"เฮ้อ" คิเสะถอนหายใจ "นี่เราคิดบ้าอะไรอยู่เนี่ย หงหายไปอะไรกันเล่า คุโรโกจจิน่ะเป็นเพื่อนของเรานะ!" คิเสะขยี้หัวตัวเองเพื่อให้เลิกคิดฟุ้งซ่าน ก็ไม่ใช่ว่าเขาเกลียดคุโรโกจจิหรืออะไรหรอกนะแต่ว่า...ก็แค่อิจฉาเท่านั้นแหละ เขาหันไปมองทั้งสองคนนั้นอีกครั้งซึ่งเป็นจังหวะพอดีกับที่ทั้งสองคนเอากำปั้นชนกันแล้วยิ้มให้กันและกัน
ในอกรู้สึกเจ็บแปล๊บ
รู้สึกไม่ค่อยดีเลยแหะ ขอกลับบ้านก่อนดีกว่า..
คิเสะตัดสินใจไปขออาคาชิกลับบ้านก่อนเวลาแต่คำตอบที่ได้รับกลับมาจากกัปตันสุดโหดของเขาคือคำถามซะงั้น
"ทำไมถึงจะกลับก่อน?"
"คะ..คือว่าฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายนิดหน่อยน่ะอาคาชิจจิ" คิเสะส่งยิ้มเฝื่อนๆให้อาคาชิ แต่อาคาชิกลับจ้องตาเขากลับอย่างรู้ทันว่านี่คือการโกหกสินะ
อ๊า อาคาชิจจิต้องจับได้แน่ๆว่าเราโกหกเล่นจ้องตาเป๋งแบบนี้ ตายๆตายแน่ๆ นี่เราคิดผิดหรือคิดถูกนะที่มาขอกลับบ้านก่อนเนี่ย ฮือออออ
อาคาชิสังเกตดูปฏิกิริยาเจ้าหมาตัวโตของทีมปฏิหารย์ตรงหน้าแล้วหันไปมองคู่แสงและเงาในสนาม..เขากระตุกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
"อา ได้สิ นายจะกลับก็ได้นะ" อาคาชิตอบเสียงเรียบ
"เอ๋? จริงๆหรออาคาชิจจิ เย้ ขอบใจมากๆเล.." แต่ยังไม่ทันที่คิเสะจะพูดขอบคุณเสร็จอาคาชิก็พูดสวนขึ้นมาว่า
"แต่เดี๋ยวนะ ไดกิ ! มานี่หน่อยสิ" เสียงเรียกของอาคาชิทำให้อาโอมิเนะที่กำลังจะชู้ตบาสชะงัก เมื่ออาโอมิเนะได้ยินดังนั้นเขาจึงโยนลูกบาสให้กับคุโรโกะที่อยู่ไม่ไกลแล้วเดินมาหาคุณกัปตันตามคำสั่งทันที
"มีอะไรงั้นหรออาคาชิ?"
"นายต้องไปส่งเรียวตะกลับบ้าน"
"ห๊า!?" อาโอมิเนะและคิเสะอุทานขึ้นพร้อมกันเสียงดังฟังชัด
"อะ..อาคาชิจจิฉันกลับเองก็ได้นะ ไม่เห็นต้องให้ใครไปส่งเลย ฉันกลับไหวจริงๆ" คิเสะบอกด้วยเสียงที่ลนลาน ก็วันนี้เขาไม่ได้อยากกลับบ้านกับอาโอมิเนจจิซะหน่อยนี่นา !
"แล้วทำไมต้องให้ฉันไปส่งไอ้หมอนี่ด้วยฟะ!?"
"ก็เรียวตะบอกว่าไม่ค่อยสบายเลยจะขอกลับก่อนน่ะสิ แล้วเกิดเรียวตะเป็นลมเป็นแล้งไปกลางทางจะว่าไงล่ะ?"
"ไม่สบาย? จริงอะ?" เขาหันไปมองหน้าเจ้าคนที่อ้างว่าไม่สบาย "ก็แล้วคนอื่นมีตั้งเยอะแยะทำไมไม่.."
"ไดกิ ฉันบอกให้ไปก็ไปสิ" แน่นอนว่าคำสั่งของอาคาชิคือคำขาด หากคิดขัดขืนล่ะก็รับรองว่าอนาคตไม่สวยแน่ๆ
"เออๆ ก็ได้ๆ แค่ไปส่งก็พอใช่มะ เอ้า คิเสะแกจะกลับบ้านไม่ใช่เรอะยังจะยืนเอ๋ออ้าปากค้างอีกทำไม รีบไปกันเร็วๆเซ่พ่อคนป่วย!" อาโอมิเนะกระแทกเสียง ไม่พูดเปล่าแต่กลับเดินไปลากคอคิเสะให้เดินไปด้วยกันกับตน "เท็ตสึ นายกลับเองได้ใช่ไหม?" แต่ก่อนจะไปอาโอมิเนะก็ไม่ลืมที่จะตะโกนถามเพื่อนซี้ของเขาด้วยความเป็นห่วง
"ได้ครับ สบายมาก" อาโอมิเนะพยักหน้าเป็นอันรับรู้แล้วเดินออกไปจากโรงยิมพร้อมกับคิเสะ
"อาคาจินให้มิเนะจินไปส่งคิเสะจินทำไมหรอ งั่มๆๆๆ" มุราซากิบาระที่เดินเคี้ยวขนมมาหาอาคาชิถามอย่างสงสัย "วางแผนอะไรไว้อีกแล้วล่ะสิ?" เขาเอียงคอถาม
"เปล่าวางแผนซะหน่อย แค่จะช่วยแก้ปัญหาเท่านั้นแหละ แล้วก็นะอัทสึชิ..ฉันบอกว่าห้ามกินขนมเวลาซ้อมไงล่ะ" อาคาชิหันไปกระชากถุงขนมจากมือมุราซากิบาระมาดื้อๆ
"ฉันไม่เห็นว่าสองคนนั้นมันจะมีปัญหาอะไรกันซะหน่อยนะอาคาชิ" มิโดริมะทำหน้าสงสัยอีกคน
"หึหึ พวกนายนี่มันไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆนะ เนอะเท็ตสึ"
"เอ่อ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับอาคาชิคุง แล้วมันเรื่องอะไรหรอครับ?"
เงียบ...
ช่างมันเหอะ.. อาคาชิคิดในใจพลางหรี่ตาเซ็งเป็ดนิดๆ นี่พวกมันดูกันไม่ออกรึไงนะ ซื่อบื้อ !
.
.
.
ทำไมๆๆ ทำไมมันกลายเป็นอย่างงี้ไปได้เล่า !!!? นี่อาคาชิจจิต้องคิดที่จะเล่นบ้าๆอยู่แน่ๆเลยสินะ ทำไมต้องให้อาโอมิเนจจิมาส่งเราด้วย ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ไม่รู้รึไงว่าฉันยังไม่อยากจะอยู่กับอาโอมิเนจจิสองต่อสองในขณะที่ฉันกำลังมีความคิดที่สกปรกๆอยู่แบบนี้น๊า ถ้าเขารู้เข้าล่ะจะทำยังไง? เขาต้องเกลียดเราแน่ๆเลย อ๊ากกกก !
เพราะมัวแต่พะวงอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองทำให้คิเสะไม่ได้รู้ตัวเลยว่าอาโอมิเนะนั้นได้แอบมองเขาเป็นระยะๆมาตั้งแต่เดินออกมาจากโรงเรียนด้วยกันแล้ว หมอนี่เป็นอะไรของมัน? นี่คือคำถามแรกที่ผุดขึ้นในใจของอาโอมิเนะ ปกติมันต้องดี๊ด๊าถลาเข้ามากอดรัดฟัดเหวี่ยงเขาไม่ใช่รึไง แต่คือนี่เขารู้สึกได้เลยว่าสองสามวันมานี่ไอหมาตัวนี้มันเริ่มทำตัวแปลกๆไป.. อาโอมิเนะค่อยๆยื่นมือไปแตะที่หน้าผากของคิเสะ
"อะ..อาโอมิเนจจิ ทะ..ทำอะไรน่ะ!?" คิเสะหยุดเดินดังกึกแล้วหันมาถามอาโอมิเนะด้วยหน้าที่เริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อเล็กน้อย
"ตัวก็ไม่ได้ร้อนนี่ นายโกหกใช่มั๊ยล่ะ?" อาโอมิเนะชักมือกลับแล้วกอดอกถามคนตรงหน้า
"เปล่า เปล่านะ..ฉันไม่สบายจริงๆมันปวดจี๊ดๆข้างในตะหากล่ะ แต่ไม่ได้เป็นไข้หรอก" ใช่ มันเจ็บจี๊ดข้างใน..มันจะหายเร็วขึ้นเยอะเลยล่ะถ้าหากฉันไม่เห็นหน้านาย เพราะยิ่งเห็นนายแล้วฉันก็ยิ่งคิดแต่เรื่องบ้าๆนั่นซึ่งฉันไม่ชอบแบบนั้นเอาซะเลย
"นายเป็นอะไร? ฉันรู้สึกได้นะว่าสองสามวันมานี่นายมีท่าทีแปลกๆไปน่ะ มีอะไรไม่สบายใจก็ปรึกษากันได้นะเว่ย คนใจกว้างอย่างฉันพร้อมรับฟังเสมออยู่แล้ว" อาโอมิเนะฉีกยิ้มกว้าง
ปรึกษาหรอ?
คงจะปรึกษากับนายไม่ได้หรอก เพราะมัน..เป็นเรื่องที่เกี่ยวนายยังไงล่ะอาโอมิเนจจิ คิเสะจ้องมองไปในดวงตาสีน้ำเงินของคนตรงหน้า
ดวงตาคู่นี้ที่ปรารถนาอยากจะให้สะท้อนแต่ภาพของเขา
คิเสะคิดพลางเลื่อนสายตาลงมามองมือที่กอดอยู่ตรงอกแกร่ง
และมือคู่นี้ที่ปรารถนาอยากจะให้โอบกอดเขาไว้เพียงคนเดียวเท่านั้น มันบอกไม่ได้ บอกไม่ได้จริงๆ!
"คิดมากน่าอาโอมิเนจจิก็ ฉันปกติดีทุกอย่างนะ" เขาส่งยิ้มให้อาโอมิเนจจิกลับไป ยิ้ม..ที่ฝืนทำ "นายไม่ต้องไปส่งฉันถึงบ้านหรอกนะส่งแค่นี้ก็พอ ฉันกลับเองได้สบายมาก อาโอมิเนจจิรีบกลับไปที่โรงเรียนไปรับคุโรโกจจิเถอะ.. ฉันไปล่ะนะ" คิเสะยกมือขึ้นบ๊ายบายแล้วก็วิ่งไปทันทีโดยไม่แม้แต่จะรอฟังความคิดเห็นของคนตรงหน้าซักนิด
"เห้ย! เดี๋ยวดิ คิเสะ!" ทำท่าจะคว้าตัวไว้แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว "มันต้องมีอะไรแน่ๆ..ไอ้เจ้าบ้าเอ๊ย เป็นอะไรของมันกันนะ" อาโอมิเนะสบถอย่างหงุดหงิด
"อะ..อาโอมิเนจจิ ทะ..ทำอะไรน่ะ!?" คิเสะหยุดเดินดังกึกแล้วหันมาถามอาโอมิเนะด้วยหน้าที่เริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อเล็กน้อย
"ตัวก็ไม่ได้ร้อนนี่ นายโกหกใช่มั๊ยล่ะ?" อาโอมิเนะชักมือกลับแล้วกอดอกถามคนตรงหน้า
"เปล่า เปล่านะ..ฉันไม่สบายจริงๆมันปวดจี๊ดๆข้างในตะหากล่ะ แต่ไม่ได้เป็นไข้หรอก" ใช่ มันเจ็บจี๊ดข้างใน..มันจะหายเร็วขึ้นเยอะเลยล่ะถ้าหากฉันไม่เห็นหน้านาย เพราะยิ่งเห็นนายแล้วฉันก็ยิ่งคิดแต่เรื่องบ้าๆนั่นซึ่งฉันไม่ชอบแบบนั้นเอาซะเลย
"นายเป็นอะไร? ฉันรู้สึกได้นะว่าสองสามวันมานี่นายมีท่าทีแปลกๆไปน่ะ มีอะไรไม่สบายใจก็ปรึกษากันได้นะเว่ย คนใจกว้างอย่างฉันพร้อมรับฟังเสมออยู่แล้ว" อาโอมิเนะฉีกยิ้มกว้าง
ปรึกษาหรอ?
คงจะปรึกษากับนายไม่ได้หรอก เพราะมัน..เป็นเรื่องที่เกี่ยวนายยังไงล่ะอาโอมิเนจจิ คิเสะจ้องมองไปในดวงตาสีน้ำเงินของคนตรงหน้า
ดวงตาคู่นี้ที่ปรารถนาอยากจะให้สะท้อนแต่ภาพของเขา
คิเสะคิดพลางเลื่อนสายตาลงมามองมือที่กอดอยู่ตรงอกแกร่ง
และมือคู่นี้ที่ปรารถนาอยากจะให้โอบกอดเขาไว้เพียงคนเดียวเท่านั้น มันบอกไม่ได้ บอกไม่ได้จริงๆ!
"คิดมากน่าอาโอมิเนจจิก็ ฉันปกติดีทุกอย่างนะ" เขาส่งยิ้มให้อาโอมิเนจจิกลับไป ยิ้ม..ที่ฝืนทำ "นายไม่ต้องไปส่งฉันถึงบ้านหรอกนะส่งแค่นี้ก็พอ ฉันกลับเองได้สบายมาก อาโอมิเนจจิรีบกลับไปที่โรงเรียนไปรับคุโรโกจจิเถอะ.. ฉันไปล่ะนะ" คิเสะยกมือขึ้นบ๊ายบายแล้วก็วิ่งไปทันทีโดยไม่แม้แต่จะรอฟังความคิดเห็นของคนตรงหน้าซักนิด
"เห้ย! เดี๋ยวดิ คิเสะ!" ทำท่าจะคว้าตัวไว้แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว "มันต้องมีอะไรแน่ๆ..ไอ้เจ้าบ้าเอ๊ย เป็นอะไรของมันกันนะ" อาโอมิเนะสบถอย่างหงุดหงิด
วันต่อมาช่วงพักกลางวัน
"เรียวตะ นายช่วยไปตามไดกิให้มาหาฉันทีสิ" อาคาชิเดินเข้ามาหาคิเสะที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่ที่โรงอาหาร
"เอ๋? ฉันหรอ? ทำไม.."
"เอาเถอะน่ะไม่ต้องถามหรอก บอกให้ไปตามมาก็ไปตามสิ" ยังไม่ทันที่คิเสะจะได้ถามอาคาชิก็ตัดบทอย่างรวดเร็วด้วยน้ำเสียงที่ออกจะกระชากนิดๆ
ไอ้คู่นี้มันจะถามอะไรนักหนานะ สั่งให้ทำอะไรก็ทำๆไปซะก็สิ้นเรื่องนี่นา ไม่รู้หรือไงว่าฉันกำลังช่วยพวกนายอยู่เนี่ยห๊า!? อาคาชิบ่นในใจ ก็แบบเห็นแล้วมันอึดอัดแทนอ่ะ เจ้าหมานี่ก็จะซึนอะไรนักหนาแล้วงี้เมื่อไหร่มันจะลงเอยกันซะทีล่ะ น่ารำคาญชะมัด รู้ไว้ซะด้วยนะว่าฉันน่ะไม่ชอบเลี้ยงหมาหงอย!
"คะ..ครับ เดี๋ยวไปตามให้ครับผม" คิเสะมองตาอาคาชิที่ดูจะจิกๆเล็กน้อยอย่างสยองๆแล้วตอบรับคำสั่งอย่างไม่มีเงื่อนไข
ทำไมต้องโหดใส่เก๊าด้วยอ่า แงงงง คิเสะคร่ำครวญในใจ
.
.
.
คิเสะขึ้นไปหาอาโอมิเนจจิบนดาดฟ้าของโรงเรียนซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นที่งีบประจำของอาโอมิเนะนั่นเอง
คิเสะตะโกนเรียกอาโอมิเนะ
ไม่มีสัญญาณตอบกลับจากหมายเลขที่ท่านเรียก...
"หลับอีกแล้วหรอเนี่ย.. อยู่ที่บ้านไม่ค่อยได้นอนรึไงกันนะ" คิเสะฟุบตัวลงนั่งข้างๆอาโอมิเนะที่นอนหลับแถมกรนอยู่อย่างสบายใจเฉิบ ดวงตาสีทองประกายเหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
แล้วจึงหันกลับมามองจ้องที่มือของอาโอมิเนะ
มันอดคิดไม่ได้จริงๆนะ.. มือของอาโอมิเนจจิที่มักจะกำปั้นแล้วชนกับกำปั้นของคุโรโกจจิเสมอ ภาพนั้นมันติดตาฉันตลอดเลยล่ะรู้ไหมล่ะอาโอมิเนจจิ?
มันไม่ใช่แค่การชนกำปั้นกันเท่ๆแบบที่ลูกผู้ชายเค้าทำกัน แต่ระหว่างอาโอมิเนจจิกับคุโรโกจจิแล้วมันแสดงถึงความเชื่อใจกันและสายสัมพันธ์อันแข็งแกร่ง แข็งแกร่งจนที่ว่าไม่ว่าใครก็ได้สามารถจะเข้าไปแทรกกลางได้เลย ฉันก็อยากจะมีมันบ้างนะ
อยากมีสายสัมพันธ์แบบนั้นกับอาโอมิเนจจิบ้างเหมือนกัน อยากให้นายมองฉันคนเดียว เชื่อใจฉันคนเดียว และ...
"อยากให้รักฉันคนเดียว.." คิเสะพูดออกมาเสียงเบาหวิวราวกับสายลม แต่เขาก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกได้ว่ามืออีกข้างนึงที่เขาเอามือไปชนนั้นมันดันกำมือของเขาเอาไว้แน่น!
เขาไม่ได้หลับหรอ!?
ใช่ อาโอมิเนะไม่ได้หลับเขาแค่นอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยเท่านั้น พอได้ยินเสียงเปิดประตูแล้วรู้ว่าเป็นคิเสะเขาก็แกล้งทำเป็นหลับทันที เขาแค่อยากจะรู้ว่าหมอนี่จะทำอะไรกับเขาบ้าง แต่ไม่นึกว่า.. อาโอมิเนะค่อยๆลุกขึ้นนั่งในขณะที่ก็ยังไม่ปล่อยมือขอคิเสะ
"อะ..อา..อาโอมิเนจจิ!!" คิเสะตกใจมากจนทำท่าจะลุกขึ้นหนีแต่ดันลืมไปว่าอาโอมิเนะนั้นยังจับมือของเขาอยู่แน่น แน่นมาก ทำให้เขาต้องลงมานั่งเหมือนเดิม เขา..ไม่กล้ามองหน้าอาโอมิเนจจิเลย คิเสะหันหน้าหนีไปอีกทาง
อ๊า ให้ตายสิๆๆๆ ! เขาจะได้ยินไหมนะ คงไม่หรอก ไม่ได้ยินหรอกมั้งเราพูดออกจะเบานี่นา
ความคิดของคิเสะเริ่มฟุ้งซ่านกระจัดกระจายตีกันไปหมด เขากลืนน้ำลายลงคอ อา ทำไมมันช่างหนืดอย่างงี้นะ
"ฉะ..ฉันมาตามอาโอมิเนจจิให้ไปหาอาคาชิจจิน่ะ" พูดแบบปกตินั่นแหละ ต้องพูดแบบปกติ อาโอมิเนจจิไม่ได้ยินเรื่องบ้าๆตะกี้นี้หรอก "ไม่รู้..ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรเหมือนกันนะ แฮะๆ"
"คิเสะ"
"อ๊า หรือว่าจะโดนเรียกไปดุก็ไม่รู้นะ ฮ่าๆ" คิเสะแสร้งหัวเราะทั้งที่ๆยังไม่มองหน้าอาโอมิเนะด้วยซ้ำ
"คิเสะ"
"เอ หรือว่าจะเป็นเรื่องที่นายโดดซ้อมตอนเช้ากันนะ..."
"คิเสะ!" อาโอมิเนะตะคอกใส่พร้อมทั้งกระฉากข้อมืออันผอมบางของคนตรงหน้าให้หันหน้ามาหาตัวเอง
"..."
ตะกี้เขาไม่ได้หูฝาดไปแน่ๆ ไม่อย่างงั้น..หมอนี่คงไม่หน้าแดงถึงหูขนาดนี้หรอก แล้วไอ้หน้าตาเหมือนจะร้องไห้นั่นมันบ้าอะไรกัน!?
"เมื้อกี้นายพูดว่าอะไรนะ?" อาโอมิเนะถาม
"ฉะ..ฉันบอกว่าอาคาชิจจิให้ฉันมาตามอาโอ..."
"ไม่ใช่! ไม่ใช่เรื่องนี้ ฉันหมายถึงไอ้ที่นายพูดตอนที่ฉันหลับอยู่ตะหาก!"
"..." คิเสะเงียบ รู้สึกได้เลยว่าตอนนี้หน้าตัวเองร้อนมากเหมือนกับจะระเบิดอยู่แล้ว "มะ..ไม่มีอะไร"
"ห๊า!? นี่นายคิดว่าฉันหูตึงรึไงฉันได้ยินนะเฟ่ยว่าแกพูดว่าอยากให้รักฉันคนเดียวน่ะ มันหมายความว่ายังไงกันแน่ห๊ะ?" อาโอมิเนะรู้สึกฉุนกึกอย่างบอกไม่ถูก ไอ้บ้านี่มันอมอะไรไว้อยู่รึไงวะ มีอะไรทำไมไม่พูดกันตรงๆอ้ำๆอึ้งๆอึกอักๆอยู่ได้!
บอกไม่ได้ ฉันบอกไม่ได้..ก็ฉันคิดไม่ดีกับทั้งคุโรโกจจิและอาโอมิเนจจิ ถ้าบอกไปอาโอมิเนจจิต้อง..ต้อง...
"ฉันไม่ได้พูดอะไรแบบนั้นซะหน่อย นายหูฝาดไปตะหากล่ะ" คิเสะเงยหน้ามองอาโอมิเนะด้วยสีหน้าเรียบเฉย
"คิเสะ!"
ตึง
อาโอมิเนผลักคิเสะล้มลงกับพื้นอย่างแรงด้วยความโมโห ตอนนี้เขากำลังขึ้นคร่อมคิเสะอยู่ เขารวบมือทั้งสองของเจ้าหมาบ้าจอมดื้อตัวนี้ตรึงไว้แน่นกับพื้น
"พูดออกมา ฉันบอกให้นายพูดออกมา!"
"อาโอมิเนจจิฉันเจ็บนะ.."
"ฉันบอกให้พูด!" มืออีกข้างนึงของอาโอมิเนะพุ่งเข้าไปบีบกรามของคิเสะอย่างรวดเร็ว
"อะ..อาโอ...มิเนจจิ ฉันเจ็บ.." แล้วน้ำตาแห่งความเจ็บปวดก็ต้องหลั่งไหล คิเสะร้องไห้? อาโอมิเนะมองสีหน้าอันเจ็บปวดที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตานั้นด้วยความตะลึง
นี่เรา...ทำอะไรลงไป?
ไวเท่าความคิดเขาผละตัวออกจากคิเสะอย่างรวดเร็ว นี่เราเป็นอะไรไปวะ ทำไมต้องรุนแรงกับหมอนี่ด้วย ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลย! เขาหันไปหาคิเสะที่กำลังยันตัวจะลุกขึ้น
"ขะ..ขอโทษ ฉันขอโทษนะคิเสะ นายลุกไหวมั๊ย" เขาเข้าไปช่วยพยุงคิเสะให้ลุกขึ้นนั่งอย่างช้าๆ
"..." น้ำตายังคงไหลแต่ไร้ซึ่งเสียงสะอื้นใดๆ
"ฉันขอโทษจริงๆนะ ฉันไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรเหมือนกัน ฉัน..."
"อาโอมิเนจจิไม่ได้หูฝาดหรอก" จู่ๆคิเสะก็พูดสวนขึ้นมา มันเรียกให้อาโอมิเนะต้องหันควับไปมองทันที
"ฉันจะบอก..บอกอาโอมิเนจจิก็ได้" คิเสะปาดน้ำตา "จริงๆแล้วฉันก็ไม่ได้อยากจะปิดบังหรอกนะ แต่ว่าหากฉันพูดออกไปแล้ว..ฉันขอร้องนะ นายอย่าเกลียดฉันได้ไหมอาโอมิเนจจิ?" อาโอมิเนะไม่ตอบเขาเพียงแต่พยักหน้ารับเท่านั้น
"ช่วงนี้ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไร ตอนแรกฉันคิดมาตลอดเลยนะว่าฉันก็แค่หลงใหลในตัวอาโอมิเนจจิมากเกินไป มากจนอิจฉาทุกๆคนที่เข้ามาสนิทสนมกับอาโอมิเนจจิ มากจนทำให้ฉันเคยคิดว่าอยากให้คุโรโกจจิหายไปแล้วให้เป็นฉันแทนได้ไหมที่ยืนอยู่ข้างๆนาย มากจนอยากให้นายมองแค่ฉันคนเดียวและสนใจแต่ฉันคนเดียว แล้วจนเมื่อวานนี้ฉันก็ได้รู้ว่ามันคงเกินคำว่าหลงใหลไปไกลโขแล้วล่ะไม่อย่างงั้นฉันคงไม่คิดว่าฉันอยากจะให้อาโอมิเนจจิรักฉัน รักฉันคนเดียว.. แต่ฉันไม่ชอบไอ้ความรู้สึกแบบนี้เลยมันดูสกปรก ดูร้ายกาจและโลภมากที่อยากจะให้นายเป็นแค่ของฉันคนเดียว"
อาโอมิเนะตั้งใจฟังทุกประโยคทุกคำพูดของคิเสะ ไอ้หมอนี่...ใช่จริงๆด้วย หึ เขากระตุกยิ้ม
"ฉันกลัว..กลัวว่าถ้านายได้รับรู้ถึงไอ้ความคิดสกปรกๆแบบนี้ของฉันแล้วนายจะเกลียดฉัน"
"อืม นายมันน่าเกลียดจริงๆนั่นแหละนะ" คิเสะตัวเเข็งทื่อพูดอะไรไม่ออก
"น่าเกลียดที่คิดว่าความรู้สึกที่นายมีให้ฉันมันสกปรกยังไงล่ะ!" อาโอมิเนะใช้นิ้วดีดเพี๊ยะเข้าไปที่กลางหน้าผากของคิเสะเต็มแรง
"โอ๊ย!" คิเสะลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ
"ไอ้ที่นายแปลกๆไปก็เพราะมัวแต่คิดเรื่องบ้าบอไร้สาระนี่น่ะหรอห๊ะ?"
"ระ ไร้สาระหรอ!? อาโอมิเนจจินี่ฉันเครียดจริงๆนะ รู้ไหมว่าฉันหนักใจมากแค่ไหนรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวร้ายในละครเลยนะ! นี่กว่าฉันจะพูดให้นายฟั..อ๊ะ" จู่ๆริมฝีปากของคนตรงหน้าก็ทาบทับลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ลิ้นร้อนค่อยๆสอดแทรกเข้าไปกว้านหาความหวานในโพรงปากของอีกฝ่ายอย่างดูดดื่มและเร่าร้อน หะ..หายใจไม่ออก
"อะ..อื้อ อาโอ..." คิเสะทุบอกของอีกฝ่ายรัวๆให้รู้ว่าเขากำลังจะขาดอากาศหายใจตายอยู่แล้ว "หะ..หายใจไม่...หื้อ!" อาโอมิเนะใช้มือกดท้ายทอยของคิเสะเพื่อให้จูบได้แนบแน่นขึ้น ปากของเขายังคงดูดดึงลิ้นของคิเสะอย่างโหยหา หวาน..หวานกว่าที่คิดไว้ซะอีก
"อะ อา..ฮะ" อาโอมิเนะเห็นท่าว่าคนตรงหน้าเริ่มดูเหมือนจะขาดอากาศหายใจเข้าไปทุกทีเขาจึงต้องหยุดไว้เพียงเเค่นี้ก่อน อา น่าเสียดายชะมัด..
"แฮ่ก แฮ่ก" คิเสะหอบหายใจอย่างหนัก ในตอนนี้สิ่งที่เขาทำได้คือพยายามสูดออกซิเจนเข้าปอดให้ได้มากที่สุด อาโอมิเนะมองคนตรงหน้ายิ้มๆ
"จูบแรกหรอ?" เขายิ้มถาม
"บะ..บ้า! แล้วนายมาจูบฉันทำไมเนี่ย" คิเสะตะโกนถามกลับไปด้วยสีหน้ที่แดงแปร๊ด ก็จูบแรกน่ะสิถามได้!
"ก็ปิดปากคนเพ้อเจ้อน่ะสิ" อาโอมิเนะยิ้มแล้วยื่นมือไปลูบหัวเจ้าหมาจอมคิดมากตรงหน้า "นี่ ฉันจะบอกอะไรให้นะว่าฉันน่ะเข้าใจนายนะ แล้วฉันก็ไม่เกลียดนายหรอกเจ้าบ้า" ขยี้หัวคนตรงหน้าอย่างหมั่นเขี้ยว
"เอ๋?"
"ก็เพราะไอ้ความรู้สึกที่นายเป็นอยู่น่ะมันเรียกว่าความอิจฉาของความรักไงล่ะ ที่นายอิจฉาคนอื่นก็เพราะนายรักฉันสินะ เพราะฉะนั้นฉันจะให้อภัยละกัน หึหึ" อาโอมิเนะฉีกยิ้มกว้าง ไอ้เรารึก็เป็นห่วงนึกว่าไอ้หมอนี่มีปัญหากลุ้มอกกลุ้มใจอะไรร้ายแรงรึเปล่า ต้องขอบใจอาคาชิมันจริงๆนะที่ช่วยทำให้เราเอะใจ
"นี่นายไม่รู้จริงๆหรอว่าเรียวตะน่ะรู้สึกยังไงกับนาย ไดกิ"
"ห๊า? รู้สึกอะไรอ่ะไม่เห็นจะเข้าใจเลย รู้แต่ว่าช่วงนี้หมอนั่นมันมีท่าทีแปลกๆไปก็แค่นั้นแหละ"
"ก็ถ้าหากนายลองสังเกตท่าทางของเรียวตะดูดีๆแล้วนายจะรู้ว่าหมอนั่นน่ะแปลกไปเพราะอะไร รู้ไหมว่าเรียวตะน่ะไม่ใช่แค่หลงใหลหรือชื่นชมในตัวนายหรอกนะแต่มันมากกว่านั้นเยอะ สายตาของหมอนั่นก็ออกจะชัดเจนปานนั้น ใครดูไม่รู้ก็โง่สุดๆ...แต่นายจะตอบรับความรู้สึกของหมอนั่นไหมฉันไม่รู้หรอกนะแต่ของแบบนี้น่ะมันต้องใช้จิตใจของนายสัมผัสนะเพราะมันจะซื่อตรงที่สุด แล้วก็นะที่ฉันทนไม่ได้ถึงขนาดต้องมาบอกนายเนี่ยก็เพราะว่าหมาฉันน่ะไม่ชอบเลี้ยงหมาหงอยหรอกนะ เพราะงั้นมันจะดีมากถ้าคำตอบของนายมันจะทำให้เจ้าหมานั่นร่าเริงได้เหมือนเดิม"
เพราะคำพูดนั้นมันทำให้เราได้คิดอะไรได้เยอะเลย และมันก็ทำให้ฉันได้รู้ว่า...
ฉันไม่เคยรังเกียจที่จะรักนายตอบเลย คิเสะ
END
ฮิ้ววววววววววววววว ~ ~
ฟิคฟ้าเหลืองเรื่องแรกของแอดมิน จะ จบแล้ว !!
ดีใจมากค่ะเพราะไม่เคยเขียนฟิคจบมาก่อนเลยในชีวิต(ถึงจะเป็นฟิคสั้นๆก็เถอะ)
เรื่องนี้แอดมินอยากให้นายน้อยเป็นคิวปิดเเห่งรัก แอ้ ! >_<
แล้วก็อยากจะบอกมากว่าชอบภาพที่เอาลงเป็นภาพประกอบในฟิคมาก
เห็นปุ๊บโครงเรื่องมันปิ๊งๆขึ้นมาในหัวเบย ก็ยังเป็นมือใหม่หัดเขียนอยู่ภาษาก็อาจจะยังแหม่งๆนิดหน่อยก็ขออำภัยนะคะ
หวังว่าคงจะชอบกันนะค๊า ยังไงก็อย่าลืมมารีวิวความรู้สึกหลังอ่านให้ฟังด้วยนะคะ (:
เจอกันเอนทรี่หน้าค่า รักคนอ่าน รักคนเม้นจ้า จุ๊บ !
**เเอดคิดว่าฟ้าเหลืองเองก็มีสายสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งที่ใครก็ไม่สามารถเข้าไปแทรกกลางได้อยู่แล้วนะ